เวลาจะวางแผนเที่ยวเนี่ย เราจะเจอตัวเลือกที่พักเยอะแยะเลย สองคำที่เราได้ยินบ่อย ๆ ก็คือ “โรงแรม” กับ “รีสอร์ต” แต่ว่ามันต่างกันยังไงนะ? เรามาดูคำตอบกันดีกว่า แล้วก็มาคุยกันเรื่องที่พักประเภทอื่น ๆ ที่มีบนโลกนี้ด้วย
1. โรงแรม (Hotel)
โรงแรมเป็นที่พักสำหรับการเข้าพักระยะสั้น สะดวกและตรงจุด ไม่ว่าจะมาทำงานหรือมาเที่ยวพักผ่อน มีหลายระดับ ตั้งแต่ราคาประหยัดจนถึงหรูหรา มักจะตั้งอยู่ในเมือง ย่านธุรกิจ หรือตามเส้นทางท่องเที่ยวหลัก ๆ บริการทั่วไปที่เราจะเจอได้แก่ บริการอาหารเช้า Wi-Fi บางที่จะมีฟิตเนส ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ หรือแม้แต่สปาด้วยนะ
2. รีสอร์ต (Resort)
รีสอร์ตนี่เป้าหมายคือให้เราพักผ่อนแบบครบวงจรในที่เดียวเลย เหมือนเป็นเมืองย่อม ๆ ที่มีครบทุกอย่างที่เราต้องการ มักจะมีพื้นที่กว้างขวาง บางทีก็อยู่ใกล้ชายหาด ภูเขา หรือท่ามกลางธรรมชาติเลยล่ะ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ สนามกอล์ฟ สปา เหมาะกับคนที่อยากผ่อนคลาย หาอะไรสนุกๆ ทำ และเติมพลังให้ตัวเองค่ะ
3. โมเต็ล (Motel)
โมเทลเป็นที่พักที่ออกแบบมาสำหรับคนเดินทางโดยรถยนต์นะ โดยทั่วไปแล้วโมเทลจะให้บริการห้องพักแบบเรียบง่าย อยู่ติดกับทางหลวงหรือถนนสายหลักเลย ห้องพักส่วนใหญ่สามารถเข้าออกได้จากลานจอดรถ ทำให้ขนของขึ้นลงได้สะดวกมาก โมเทลเน้นราคาประหยัดและความสะดวกสบายมากกว่าความหรูหรา เหมาะสำหรับคนที่หาที่พักค้างคืนระหว่างการเดินทางค่ะ
4. โฮสเทล (Hostel)
โฮสเทลเป็นที่พักราคาประหยัด เน้นพื้นที่ส่วนรวมที่ทุกคนใช้ร่วมกัน โดยทั่วไปจะมีห้องพักรวม ที่มีเตียงสองชั้นและห้องน้ำรวม แต่บางโฮสเทลก็มีห้องส่วนตัวด้วยนะ นอกจากนี้ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือบางที่มีบาร์ ไว้ให้ได้พบปะพูดคุยกับนักเดินทางคนอื่น ๆ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวแบบแบ็คแพ็ค อยากประหยัดค่าที่พักค่ะ
5. เกสต์เฮาส์ (Guesthouse)
ที่พักที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดและอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านมากกว่าโรงแรมทั่วไปค่ะ มักจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก บางครั้งเป็นธุรกิจครอบครัวหรือดัดแปลงมาจากบ้านอยู่อาศัย ห้องพักน่ารัก เน้นบรรยากาศที่เป็นกันเอง และการบริการที่ใส่ใจแขกที่มาพักค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อนแบบสบาย ๆ ไม่เป็นทางการมาก ชอบสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น
6. เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ (Serviced Apartment)
เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ คือที่พักที่ผสมผสานความสะดวกสบายเหมือนโรงแรม เข้ากับความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านเลยค่ะ เหมือนกับการมีอพาร์ทเมนท์พร้อมเฟอร์นิเจอร์ มีครัวเล็กๆ ห้องนั่งเล่น และห้องนอนแยกต่างหาก แถมยังมีบริการอย่างแม่บ้านทำความสะอาด บางที่มีฟิตเนสหรือสระว่ายน้ำให้ใช้ด้วยนะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเข้าพักระยะยาวค่ะ
7. โฮมสเตย์ (Homestay)
โฮมสเตย์เป็นที่พักแบบหนึ่งที่เราจะได้ไปอยู่กับครอบครัวท้องถิ่นในบ้านของเขาเลยค่ะ ได้สัมผัสกับวัฒนธรรม เรียนรู้วิถีชีวิตแบบคนท้องถิ่นจริง ๆ ส่วนใหญ่จะมีอาหารบ้าน ๆ ให้เราทานด้วยนะ ยิ่งได้ใกล้ชิดความเป็นอยู่ของคนที่นั่นเลย ที่พักแบบนี้เหมาะกับคนที่อยากเชื่อมสัมพันธ์กับคนอื่น และชอบอะไรที่เป็นกันเอง ไม่เหมือนโรงแรมทั่วไปค่ะ
8. วิลล่า (Villa)
วิลล่าเป็นที่พักแบบบ้านตากอากาศเป็นหลัง แยกออกมาเป็นส่วนตัว มักจะตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวหรือในรีสอร์ท วิลล่าเน้นความเป็นส่วนตัว เอกสิทธิ์เฉพาะตัว และบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ลานระเบียง หรือสวน และครัวที่มีอุปกรณ์ครบครันเลย จุดเด่นคือพื้นที่ที่กว้างขวาง เหมาะมากกับการไปพักผ่อนกับครอบครัวแบบ หรือไปเป็นกลุ่ม
9. พูลวิลล่า (Pool Villa)
พูลวิลล่าคือที่พักสุดหรูที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวไว้สำหรับคุณเท่านั้น ไม่ต้องแชร์พื้นที่สระกับใครค่ะ รับรองว่าเป็นส่วนตัวและเงียบสงบสุด ๆ พูลวิลล่าส่วนใหญ่จะมีพื้นที่กว้างขวาง ตกแต่งอย่างมีสไตล์ พร้อมทั้งลานนั่งเล่นด้านนอก เหมาะมากสำหรับคู่รักที่อยากมาสวีทกัน ครอบครัวที่อยากมีพื้นที่ส่วนตัว หรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการปาร์ตี้ค่ะ
10. บังกะโล (Bungalow)
บังกะโลเป็นที่พักสไตล์อบอุ่นที่เน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ มักจะเป็นบ้านพักชั้นเดียว (แต่บางที่มีห้องใต้หลังคา หรือชั้นดาดฟ้าด้วยนะ) ให้ความรู้สึกกะทัดรัดและมีเสน่ห์ จุดเด่นคือมักจะมีระเบียงด้านหน้า ไว้นั่งจิบกาแฟยามเช้า เหมาะสำหรับการพักผ่อนชิลล์ ๆ เน้นผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติค่ะ
11. เบดแอนด์เบรคฟาสต์ (B&B)
Bed and breakfast (หรือย่อว่า B&B) เป็นที่พักสไตล์อบอุ่นและเป็นกันเอง มักจะดัดแปลงมาจากบ้านอยู่อาศัย ให้บริการห้องพักที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว บางที่มีเจ้าของบ้านพักอาศัยอยู่ที่นั่นด้วยเลย และจะเตรียมอาหารเช้าแบบโฮมเมดให้ทุกเช้า จุดเด่นของ B&B คือ บรรยากาศน่ารักเหมือนอยู่บ้าน ห้องพักสบาย และแต่ละห้องมักตกแต่งไม่เหมือนกันค่ะ
12. ลอดจ์ (Lodge)
ที่พักสไตล์ลอดจ์เนี่ย จะให้ความรู้สึกแบบธรรมชาติ๊ ธรรมชาติ เหมือนกระท่อมน่ารัก ๆ ทำจากไม้ อยู่ท่ามกลางวิวสวย ๆ เลย ที่ลอดจ์มักจะมีกิจกรรมเอาท์ดอร์ให้ทำด้วยนะ ทั้งเดินป่า ตกปลา หรือจะแค่นั่งชิลล์ ๆ ก็ฟินแล้ว เหมาะสำหรับคนที่อยากพักผ่อนแบบสงบ ๆ หลีกหนีความวุ่นวายมาชาร์จพลังท่ามกลางธรรมชาติค่ะ
13. อินน์ (Inn)
“อินน์” คือที่พักสบาย ๆ คล้ายโรงแรมแต่มีขนาดเล็ก ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เหมาะกับคนที่อยากพักผ่อนแบบส่วนตัว มักจะตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ตัวอาคารจะมีความเป็นกันเองมากกว่าโรงแรมใหญ่ ๆ สมัยใหม่ มีพื้นที่ส่วนกลางที่อบอุ่น บางที่ก็จะมีกลิ่นอายแบบย้อนยุคด้วย ถ้าอยากหาที่พักผ่อนที่ไม่เร่งรีบ ได้สัมผัสกับบรรยากาศท้องถิ่นจริง ๆ ลองเลือกพักแบบอินน์ดูค่ะ
14. เต็นท์แคมป์ปิ้ง (Camping Tent)
“เต็นท์แคมป์ปิ้ง” เป็นที่พักที่รวมเต็นท์ผ้าใบหลังเล็ก ๆ ในพื้นที่กลางธรรมชาติ มีหลายขนาดเลยนะ ตั้งแต่ขนาดเล็ก เต็นท์โดมทรงกลม ไปจนถึงเต็นท์ครอบครัวหลังใหญ่เลยแหละ ที่พักแบบนี้จะทำให้เราได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบเต็ม ๆ เลย ห่างไกลจากเมืองใหญ่ เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบพักผ่อนแบบแอคทีฟหน่อย ๆ อย่างทำปิ้งย่าง เดินป่า ตกปลา ดูดาว
15. แอร์บีเอ็นบี (Airbnb)
Airbnb เป็นเว็บไซต์ที่ให้คนปล่อยเช่าบ้านหรือห้องว่าง ให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากหาที่พักแบบอื่นนอกจากโรงแรมทั่วไป ที่พักแบบ Airbnb จะมีตั้งแต่ห้องเดียวในบ้านที่อยู่ร่วมกับคนอื่น ไปจนถึงบ้านทั้งหลังเลย จุดเด่นของ Airbnb คือบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน สไตล์ไม่เหมือนใคร ราคาที่ถูกกว่าโรงแรม แถมยังได้สัมผัสประสบการณ์แบบคนท้องถิ่นด้วยนะ ได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยล่ะ
เวลาเลือกที่พัก ลองนึกถึงสไตล์การเที่ยวของเราดูนะ เช่น
เที่ยวในเมือง: โรงแรมที่อยู่ใจกลางเมืองน่าจะสะดวกสุดแล้ว
อยากพักผ่อนเน้นๆ: รีสอร์ทน่าจะเป็นคำตอบที่ดี
เที่ยวแบบประหยัด: โฮสเทลหรือโมเต็ลจะช่วยเซฟเงินได้เยอะ
ชอบอะไรไม่เหมือนใคร: ลองดูพูลวิลล่า หรือ Airbnb สิ รับรองถูกใจ!
การเลือกประเภทที่พักที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น งบประมาณ จำนวนผู้เข้าพัก ความต้องการ และบรรยากาศ บทความนี้ได้อธิบายความหมายของที่พักประเภทต่าง ๆ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักเดินทางในการเลือกที่พักที่เหมาะกับตนเองนะคะ